UFABETWINS “การย้ายบ้านอีกครั้งอาจจะเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเช่นกันที่ได้เห็นอะไรซึ่งไม่เคยได้เห็น
ได้ทำอะไรในสิ่งที่คุณอยากจะทำจริง ผมคิดว่าครอบครัวของผมสู้ได้ดีมาก ผมภูมิใจในตัวพ่อกับ แม่แล้วก็ทุกๆคนด้วย” เดวี่ส์ ให้สัมภาษณ์กับ เดอะ การ์เดี้ยน เมื่อมาถึงแคนาดา พวกเขาตั้งรกราก กันที่เมืองเอ็ดมันตัน รัฐอัลเบอร์ตา โดยพ่อกับแม่เขายังคง ต้องพยายามให้ มากอีกเช่นเคย ด้วยการออกไป ทำงานวันละหลายชั่วโมง ขณะที่ อัลฟอนโซ่ และน้องๆอีก 2 คนถูกฝากเลี้ยงไว้ที่โบสถ์คาทอลิก และเมื่อกลับมาบ้านเขาก็ยังช่วยพ่อแม่เลี้ยงน้องด้วย แม้จะเป็นภาระที่ค่อนข้างหนักสำหรับเด็กที่ยังไม่ค่อยรู้ความมากนัก แต่ไม่ว่าใครที่รู้จักอัลฟอนโซ่ พวกเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เด็กคนนี้มีความสุขจนน่าอิจฉา” “อัลฟอนโซ่
ตัวน้อยของเรา เป็นเด็กที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนก็มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนหน้าตลอด เขาชอบเต้นและร้องเพลงตามโถงทางเดิน และยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ว่าเขาจะหยิบจับกีฬาชนิดไหน ดูเหมือนว่าเขาจะมีพรสวรรค์ไปเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง สนามบาส ฟุตบอล หรือกีฬาอะไรก็ได้ เด็กคนนี้ร้ายมากจริงๆ” เมลิสซ่า กุซโซ่ คุณครูสมัยเดวี่ส์เรียนเกรด 6 ที่โรงเรียนคาทอลิกว่าไว้ เดวี่ส์ถูกส่งไปเล่นลีกฟุตบอลของเยาวชนผู้ขาดโอกาส และเขาก็เก่งกาจยิ่งกว่าใคร ตอนนั้นโค้ชบอลโรงเรียนต้อง ไปตามโค้ชฟุตบอล จริงๆมาดูเขาเล่น มาร์โก บอสซิโอ หัวหน้าทีมแมว มองจากเซนต์ นิโคลัส ซอคเก้อร์ อคาเดมี เห็นฝีเท้า ของเดวี่ส์ เขาต้องตา
เข้าอย่างจัง “คนนี้แหละ” เขาพูดแบบนั้น และรีบเข้าหาทันที หลังเกมฟุตบอลของ เดวี่ส์จบลง”เด็กคนนี้มีอะไรที่พิเศษ ฝีเท้าของเขาเร็ว อย่างกับสายฟ้า ทั้งความเร็วและ การจ่ายบอลมันเว่อร์ มากเลยสำหรับเด็ก อายุแค่นี้ ผมเข้าไปคุยกับเขา และเขาตอบกลับ ว่าอยากจะเล่นให้ กับทีมของเรา” บอสซิโอกล่าว หลังจากนั้น คืนวันผ่านไป เราคงไม่ต้องอธิบาย กันเยอะว่าเขา เก่งแค่ไหน ในเอ็ดมันตัน เมืองเล็กๆเมือง นี้มีแต่คนได้ยินเสียงลือ เสียงเล่าอ้างว่ามีเด็ก ที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ของเมืองนี้ นักกีฬาซอคเก้อร์ที่อยู่ กับโรงเรียนเซนต์ นิโคลัส ที่ชื่อว่า อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ นั่นเอง เมื่ออายุได้ 13 เดวี่ส์เริ่มมองเห็นทาง ข้างหน้าชัด
ขึ้นว่าตั้งใจ จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ตอนแรกเขาไม่เคย คิดแบบนั้น จนกระทั่งยิ่งเล่นไป ก็ยิ่งห่างจากเด็กคน อื่นๆมากขึ้นเรื่อย จากนั้นโค้ชบอสซิโอ ก็ปลูกฝังแนวคิดการเอาดี ทางด้านฟุตบอล และฝึกเขาให้หนัก พิเศษกว่าเด็กคนอื่น ในเวลาเดียวกัน”ผมไม่เคยคิดว่า ตัวเองเก่งกาจอะไร ผมแค่ขอให้ได้ เล่นสนุกกับเพื่อนๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง โค้ชรีบมาบอกกับผมว่า ผมต้องอย่าหยุด ต้องเดินหน้าต่อไป พวกเขาบอกให้ผมเชื่อมั่น และผมก็เริ่มฝัน จะเป็นนักเตะอาชีพ ผมฝึกฝนอย่างหนักกว่า คนอื่นๆเพื่อจะไปให้ถึงจุดนั้น” เดวี่ส์กล่าว ความพยายามบรรลุ ผลแน่ในสักวันไม่ว่า จะช้าหรือเร็ว แต่สำหรับเดวี่ส์ ทุกอย่างรวดเร็วมาก ชื่อเสียง
ของเขาดังไป ทั่วแคนาดา ทีมแวนคูเวอร์ ไวท์แค็ปส์ ที่ลงเล่นในเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้เข้ามา ทาบทามเขาตั้งแต่อายุ 14 ปีเท่านั้น และนั่นคืออีกครั้งที่เขา ต้องจากบ้านและครอบครัว แต่มันคือการจากลาเพื่อ แสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บางครั้งอาจจะยิ่งใหญ่ กว่าที่พวกเขาหวังเสียอีก “แม่ผมไม่อยากให้ไปแวนคูเวอร์หรอก เพราะผมมันตัวคนเดียว ก็เลยเป็นห่วง แม้กลัวว่าผมจะเป็น เด็กไม่ดีและหลงผิดได้ แต่ความจริงไม่ใช่ หรอกนะ ที่นี่มีนโยบายให้เด็กทุกคนต้องมีเกรด เฉลี่ยที่ดีจึงจะได้เล่นให้กับทีมฟุตบอล ถ้าเกรดของ คุณตกต่ำกว่าเกณฑ์ พวกเขาก็ยกเลิก สัญญาและคุณก็ต้องออกจากอคาเดมีไปเลย
พวกเขาที่นั่นดูแลผมเป็นอย่างดีจริงๆ” เดวี่ส์ว่าไว้ไม่ว่าจะเรียนหรือกีฬา หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิต เดวี่ส์ไม่เคยนอกลู่นอกทาง อาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้เห็นความลำบากของพ่อแม่ที่พยายามจนให้ลูกๆได้ออกมาเจอโลกกว้างและได้โอกาสในแบบที่ตัวเองไม่เคยได้ ดังนั้น เขาจึงเป็นเด็กที่ขึ้นชื่อเรื่องวินัยเป็นอย่างมาก เขาเข้าอคาเดมีของไวท์แค็ปส์ได้ปีกว่าๆ ทีมก็โปรโมตเขาขึ้นชุดใหญ่ และส่งลงสนามเกมเมเจอร์ลีกตั้งแต่อายุ 15 ปีเท่านั้น”ตอนได้ลงเล่นครั้งแรก มันเหมือนเป็นการหาคำตอบให้ตัวเองว่า เราพยายามอย่างหนักเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่นๆอยู่หลายปีเพราะอะไร? มันคุ้มค่ามาก โค้ชมองเห็นบางอย่างในตัวผม
หลังจากนั้นเมื่อผมได้สัญชาติแคนาดาแล้ว เขาพาผมไปเข้าแคมป์ทีมชาติ และจากนั้นอีกไม่นานผมได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแคนาดา.. มันบ้ามาก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนน่าตกใจ”แคนาดา เล็กเกินไปแล้ว ระหว่างที่กำลังมีความสุขกับการได้เล่นในเมเจอร์ลีก และกลายเป็นผู้เล่นระดับแถวหน้าทั้งที่อยู่ในวัยทีนเอจ เดวี่ส์ก็ได้รับโทรศัพท์ในเดือนกรกฎาคมปี 2018 ปลายสายบอกว่าให้เข้ามาที่ออฟฟิศ สโมสรบาเยิร์น มิวนิค ต้องการคุยกับคุณ “พระเจ้า.. ไม่รู้จะบอกว่ากลัวหรือตื่นเต้นดี ผมคิดว่าผมต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าผมดีพอในระดับนั้น” แม้จะสั่นแต่ก็เป็นการสั่นสู้ นั่นคือความรู้สึกของเดวี่ส์ที่ว่ากันว่าตอนนั้นไม่ใช่แค่บา
เยิร์น แต่มี ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี ที่ตามจีบเขาอีกด้วย “ผมอยากเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ อีกหลายๆคนทั้งในแคนาดาและในฐานะผู้ลี้ภัยชาวแอฟริกัน ผมแสดงให้เห็นว่าการทำงานหนักเพื่อแลกกับความฝันสามารถทำให้คุณได้ออกมาเห็นอะไรอีกมากมาย ทุกอย่างเป็นไปได้หากคุณยังคงซื่อสัตย์กับตัวเอง””เมื่อเป็นเด็กน้อยจงอย่าหลงทาง เมื่อเติบโตขึ้นจงจินตนาการให้กว้างใหญ่และไปตามแรงจูงใจ พัฒนาความกล้าขึ้นทุกๆวัน และทำงานให้หนักที่สุดเพื่อเป็นในสิ่งที่เราอยากจะเป็น” เดวี่ส์กล่าวทิ้งท้าย
คลิ๊กเลย >>>https://www.ufabetwins.com/
อ่านข่าวเพิ่ม >>>บ้านผลบอล